ธรรมเทศนาพระอาจารย์ชัย ฯ
ธรรมเทศนา พระอาจารย์สุรชัย ปภสฺสโร
เทศนาญาติโยม “กลุ่มรสธรรม” วันที่ 5 ธันวาคม 2554
ณ วัดไตรรงค์วิสุทธิธรรม
... เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ธรรมดากัลยาณมิตรเป็นผู้หาได้ยาก อาศัยกัลยาณมิตร เป็นผู้นำทาง ลำพังแต่การสร้างกุศลคุณงามความดีบุญบารมีให้กับตัวเอง ไปสู่มรรคผลนิพพาน ต้องอาศัยกัลยาณมิตร ต้องอาศัยการรวมตัว กัลยาณมิตร เป็นบ่อเกิดของกัลยาณวัตร กัลยาณวัตร การเจริญในมรรคผล ต้องทำให้มาก เจริญให้มากนะ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังบอกกับพระอรหันต์เลย บอกว่าให้ทำให้มาก เจริญให้มากซึ่งมรรค แต่ยุคสมัยปัจจุบันนี้มัน โลภมันบดบัง ความโลภมันเข้าครอบงำหมดนะ มันปกครอง ความโลภมันเป็นใหญ่ในโลก ออกไปมืดหมดโลก โลกเป็นของมืดนะ ถ้าไม่มีธรรม วุ่น แสงสว่างมีแต่เพียงนิดเดียวเองนะ มันสวนทางกันกับเรา เราทำเพื่อจะละ จะวาง ทำเพื่อความสละ ขจัดออก สงบ สะอาด สว่าง สบาย จะผิดกันข้ามกับโลกเขา เขาทำเพื่อจะเอา เพื่อจะกอบโกย แต่เรา แต่ไม่ว่าจะด้วยประการใด จงฝึกเป็นผู้ให้ ผู้ให้ย่อมได้ ยิ่งสละย่อมได้ ยิ่งผูกยึด มีแต่.. ต้องกวาดออกไปเยอะๆ กวาดออกไปเยอะๆ ติ๊ต่าง กวาดทุกวัน กวาดทุกวัน พยายามปิดอายตนะ อายตนะภายนอก เปิดอายตนะภายใน คือใจ ให้มันสว่างอยู่ตลอด ทั้งกลางวัน กลางคืน จนไม่มีอดีต จนไม่มีอนาคต เป็นความปกติของเขาอยู่อย่างนั้น อยู่กับโลกสมมุติเหมือนกับอาตมาอยู่ อยู่แบบไม่มีกลางวันกลางคืน อยู่แบบไม่มีอะไร ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต อยู่แต่ปัจจุบัน ผู้ให้ย่อมได้ ผู้สละย่อมมี .. พยายามหมั่นตรวจสอบตัวเองอยู่ตลอด ด้วยอิริยาบถต่างๆ อาศัยสัมมัปปธาน ๔ เป็นเครื่องดำเนินในการภาวนา มีพละ ๕ เป็นเครื่องหนุนนำ เพื่อการดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทาง ในที่สุดเราก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องผูกมัด เป็นไปเพื่อความอิสระจากสิ่งทั้งปวง ทั้งภายนอก ภายใน ได้มาเพื่อจะให้ รักษาไว้เพื่อจะแจก .. ความอิสระเป็นสุขในโลก นี่เห็นไหม ความสงบ ความสบาย สะอาด สว่าง สงบ เป็นสุขไหม โลกก็สงบ สังคมก็ร่มเย็น ไม่วิ่งเบียดเบียนเสียดแทงกัน ด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ความเป็นไปพร้อมเพรียงกัน เป็นผู้ไม่ขัดแย้งกัน เป็นสุขไหม เมื่อฝึกใจแล้ว ด้วยกุศลกรรม การแสดงออกทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ นี่แหล่ะ ถึงจะมีปัญหาอะไรมันก็เหมือนไม่มี ถึงจะมีทุกข์อะไรมันก็เหมือนไม่ทุกข์ คือมันไม่มีอะไรให้จะเก็บเกี่ยวน่ะ เพราะรู้ว่ามันเป็นของว่างเปล่าไปทั้งหมด ฝึกช้างฝึกม้า ฝึกคชา ฝึกคชสารน่ะ เป็นผู้ประเสริฐ แต่มนุษย์ผู้ฝึกดีแล้ว เป็นผู้ประเสริฐกว่าสิ่งใดๆ ในโลก ประเสริฐน่ะ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้ฝึกเทวดา ฝึกมนุษย์ให้ประเสริฐ สัตถา เทวมนุสสานัง เป็นครูของเทวดา เป็นครูของมนุษย์ พวกเราอย่าปล่อยให้วันเวลา หรือการสนาน หรือความเกียจคร้าน วันคืนให้ล่วงเลยไป ให้น้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นโอปนยิกธรรมอย่างนี้ ผู้ฝึกดี ปุริสทัมสารถิ พระพุทธเจ้าท่านฝึกน่ะ เหมือนกับม้าออกศึก เดี๋ยวเราฝึกกันอย่างนี้มันจะเป็นการดี โยมเคยเห็นพระบรมรูปทรงม้าไหม มันนิ่ง ข้างหน้าองค์น่ะ ตรงเป๊ะ ไอ้พวกที่อยู่ข้างล่างมันก็ตรงเป๋ง มันต้องฝึกกันเยอะๆ ในกลุ่มของบัณฑิต พวกโยมสงสัยอะไรไหม?JJJJJJJJ
* สัมมัปปธาน หรือ สัมมัปปธาน 4 คือ การมุ่งมั่นทำความชอบ มี 4 ประการ 1) สังวรปทาน คือ เพียรระงับการกระทำอกุศล ไม่ให้เกิดขึ้น-เพียรระวัง 2) ปหานปทาน คือ เพียรละเลิกอกุศลที่กำลังกระทำอยู่ -เพียรละ 3) อนุรักขปทาน คือ เพียรรักษา กุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว –เพียรรักษา 4) ภาวนาปทาน คือ เพียรฝึกฝนบำรุงกุศลธรรม ให้เจริญยิ่งขึ้น -เพียรเจริญ< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|